เปปเปอร์มินต์ ปลูกไม่ยาก ประโยชน์มากมาย
มีประโยชน์อย่างไรไปอ่านกัน
เมื่อเอ่ยถึงเปปเปอร์มินต์ เรามักนึกถึงกลิ่นหอมเย็นสดชื่นของยาสีฟัน ขนม หมากฝรั่งหรือลูกอมต่างๆ
เปปเปอร์มินต์ เป็นพืชในตระกูลมินต์ที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ แค่ขยี้ใบสดๆ มาดม ก็รู้สึกชื่นใจแล้ว และเพราะอานุภาพของความหอมนี่เองจึงทำให้เปปเปอร์มินต์ถูกนำมาใช้แต่งกลิ่นอาหารหลายชนิด แล้วยังนิยมใช้เป็นส่วนประกอบในหมากฝรั่งและลูกอม เพราะช่วยกำจัดกลิ่นปากและทำให้ปากหอมสดชื่น นำมาใช้ปรุงแต่งกลิ่นในเครื่องดื่ม เช่น ชาและกาแฟ เป็นต้น
เมื่อสืบหาถึงที่มาของความหอมของเปปเปอร์มินต์ พบว่าเกิดจากน้ำมันหอมระเหยประเภทเมนทอล ซึ่งในเปปเปอร์มินต์ มีเมนทอลสูงถึง 80-90% สารเมนทอลในเปปเปอร์มินต์มีสรรพคุณช่วยละลายเสมหะและน้ำมูกจึงนิยมใช้บรรเทาหวัดและอาการไอ อาการระคายคอและช่วยให้หายใจโล่งสบาย กลิ่นหอมเย็นลึกของเมนทอลยังช่วยให้สมองผ่อนคลาย แก้ปวดศีรษะ ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ช่วยให้ความจำดีขึ้น ช่วยลดความโกรธ ยับยั้งเชื้อโรค ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ลดอาการเจ็บปวด อีกทั้งการดมกลิ่นเปปเปอร์มินต์ในขณะที่กำลังหลับยังช่วยเพิ่มการเต้นของหัวใจ และกิจกรรมของคลื่นสมองอีกด้วย บรรดาธุรกิจสปาจึงนำน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากเปปเปอร์มินต์มาใช้ในการบำบัดสุขภาพด้วยกลิ่น หรือที่เรียกว่า อโรมาเธอราพี
นอกจากนี้ในใบเปปเปอร์มินต์ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีเบตาแคโรทีน แซนโทฟิลด์ และวิตามินซี จึงถือเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรา
การนำเปปเปอร์มินต์มาใช้ประโยชนืนั้น มีทั้งในรูปแบบสมุนไพรสดและแห้ง โดยนิยมนำไปทำชา ชงดื่มเพิ่มความสดชื่น ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือสกัดน้ำมันหอมระเหยมาใช้ซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก
กล่าวได้ว่า เปปเปอร์มินต์นั้นมีประโยชน์มากมายจริงๆ ถ้าเราปลูกเอาไว้ในบ้าน ก็จะสามารถนำเปปเปอร์มินต์มาใช้ประโยชน์ได้ตลอดเวลา ดังนั้นอย่ารอช้า เรามาปลูกเปปเปอร์มินต์กัน
มาปลูกเปปเปอร์มินต์กันเถอะ
วิธีการปลูกอย่างง่ายคือ ปลูกในกระถาง โดยเริ่มจากซื้อต้นเปปเปอร์มินต์จากร้านขายต้นไม้ หรือร้านโครงการหลวง แล้วเลือกวางในจุดที่ได้รับแสงแดด จะกึ่งรำไรกึ่งแดดนิดๆ หรือแบบแดดจัดเกือบทั้งวัน ก็งอกงามดี แต่ต้องไม่ให้ขาดน้ำ
แต่ถ้ากลับมาบ้านแล้วต้นไม้อยู่ในสภาพเหี่ยว ให้แช่น้ำทิ้งไว้สัก 3 ชั่วโมง พอฟื้น ใส่ขุยมะพร้าวโรยๆ แล้วนำไปวางไว้ที่แดดรำไร (50%) สัก 3-7 วัน ต้นเปปเปอร์มินต์จะฟื้นกลับมาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็วางบริเวณที่มีแดดจัด
เมื่อเลี้ยงไปสักพักหากอยากจะขยายให้มีหลายๆ กระถาง ก็ทำได้ด้วยการ “ปักชำ” ขั้นแรกให้เพาะต้นกล้าก่อน โดยเลือกกิ่งที่แข็งแรง ไม่อ่อนแอ ไม่เหี่ยว ไม่แก่เกินไป ตัดส่วนยอดความยาวประมาณ 2-3 นิ้ว ควรใช้มีดที่บางๆคมๆและสะอาดตัด เพื่อให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุด
เตรียมดินใส่กระถางใบเล็กพอประมาณ โดยเลือกดินที่ร่วนซุย รดน้ำให้ชุ่ม แต่อย่าให้แฉะและอย่าให้มีน้ำท่วมขัง ไม่อย่างนั้นรากจะเน่าได้
เมื่อเอาดินใส่กระถางเรียบร้อยแล้ว ก็หาอะไรแหลมๆมาจิ้มดินให้เป็นรู เช่น ปลายดินสอ กิ่งไม้เล็กๆ จะได้เสียบก้านลงได้ง่ายๆ ไม่กระทบกระเทือนรอยตัด จากนั้นก็รดน้ำเช้าเย็น วางในที่ไม่โดนแดดมากเกินไป
เข้าวันที่ 4-5 จะเห็นว่าบางกิ่งเริ่มมีรากขาวๆโผล่ออกมาบ้าง เปปเปอร์มินต์มีระบบรากไม่ยาวมาก รากค่อนข้างตื้นจึงสังเกตเห็นรากได้ง่าย
พอถึงวันที่ 7 คว่ำกระถางเพื่อเช็คราก เมื่อเห็นว่ามีจำนวนมากพอแล้วให้เอาลงกระถางใหญ่ ช่วง 3-4 วันหลังเปลี่ยนกระถาง ให้วางในที่รำไร รอให้แข็งแรงอีกสักนิดค่อยนำไปวางในที่ที่โดนแดด ให้ต้นเปปเปอร์มินต์ปรับตัวไปอย่างช้าๆ สักพักก็งอกงามเต็มกระถาง
เมื่อเปปเปอร์มินต์โตแล้ว ยิ่งเด็ดใบ เด็ดยอด ก็จะยิ่งแตกกิ่งแตกใบ ซึ่งเรายังสามารถขยายพันธุ์ต่อไปได้อีก โดยใช้ “ไหล”หรือก้านที่มีรากเล็กๆยื่นออกมา แยกไปปลูกได้ ต่อไปคุณก็ไม่ต้องซื้อที่ร้านอีกเลย เพราะเปปเปอร์มินต์จะแตกกิ่ง เลื้อยไปเรื่อยๆ เด็ดมาทำชามินต์ หรือผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆ ก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี
เห็นไหมว่า การปลูกเปปเปอร์มินต์นั้นไม่ยากเลย และถ้ายิ่งดูแลใส่ใจ คอยเด็ดยอดเด็ดใบ ขยายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะมีใบเปปเปอร์มินต์หอมๆ ให้กินให้ใช้ไปตลอดทั้งปี