พักกาย ชาร์จใจ เที่ยวสไตล์ออร์แกนิก
หลับสบายและได้ใกล้ชิดธรรมชาติ
ทุกวันนี้สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราเต็มไปด้วยสารเคมีและมลภาวะ ซึ่งจะค่อย ๆ สะสมอยู่ในร่างกายของเรา นานวันเข้าก็ก่อให้เกิดโรคร้ายสารพัน ดังนั้นเราควรหาเวลาล้างพิษภัยเหล่านี้ออกจากร่างกายเสียบ้าง วิธีการง่าย ๆ ก็คือการเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน ซึ่งถ้าจะให้ดีลองหาสถานที่ท่องเที่ยวแนวออร์แกนิก ที่นอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังได้ล้างสารพิษออกจากร่างกายด้วย
ปัจจุบันมีฟาร์มสเตย์แนวออร์แกนิกอยู่มากมายหลายแห่ง แต่ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แถมยังได้ชื่อว่าตั้งในแหล่งที่อากาศดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยก็คือ Coolliving Farmhouse eco & organic living อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยอยู่หลังที่ว่าการอำเภอวังน้ำเขียวไปนิดเดียว เพียงลอดผ่านอุโมงค์ต้นไม้อันร่มรื่นไม่นานก็จะเห็นกลุ่มบ้านหลังคาดินเผาสีส้ม ๆ นั่นแหละ จุดหมายปลายทางของเราละ
ด้านหน้าสุดของฟาร์มเป็นห้องอาหารและล็อบบี้สำหรับเช็กอิน แค่นั่งเล่นบริเวณระเบียงของห้องอาหารก็สัมผัสได้ถึงลมเย็นและอากาศแสนบริสุทธิ์ต่างจากกรุงเทพฯ อย่างชัดเจน ถ้านั่งไปนาน ๆ มีโอกาสเผลอหลับได้เลยเพราะเย็นสบายดีจริงๆ
เมื่อเช็กอินแล้วก็เอาข้าวของไปเก็บในห้องพัก ห้องพักของที่นี่มี 2 แบบ คือ พอนด์วิลลากับฟาร์มเฮ้าส์ พอนด์วิลลาเป็นบ้านซึ่งปลูกเป็นหลังค่อนข้างส่วนตัว ขนาดพื้นที่ใหญ่ มีสระน้ำปลอดคลอรีนให้ว่ายเล่นด้วย ส่วนฟาร์มเฮ้าส์เป็นห้องพักซึ่งเป็นเรือนแถวปลูกติด ๆ กัน มีระเบียงยาวใช้รวมกันด้านหน้า ขนาดห้องย่อมลงมาหน่อย แต่ไม่ว่าจะแบบไหนก็มีลักษณะร่วมกันคือ ปลูกสร้างด้วยแนวคิดลดโลกร้อน รวมทั้งการตกแต่งเป็นแบบพื้นถิ่น โดยหลังคาเป็นกระเบื้องดินเผาที่นำมาจากกลุ่มด่านเกวียน ผนังห้องมีการซ้อนผนังเหมือนผนังวัดสมัยก่อน เพื่อเป็นฉนวนกั้นความร้อน ทำให้ห้องเย็นสบายโดยไม่ต้องเปิดแอร์คอนดิชั่น
และที่ชอบมาก ๆ ก็คือ เครื่องนอนเครื่องใช้ภายในห้องพักล้วนเป็นวัสดุจากธรรมชาติ เริ่มจากที่นอนที่ไม่ใช้ที่นอนใยสังเคราะห์ทั่วไป เพราะเป็นแหล่งสะสมสารเคมีซึ่งระเหยออกมาตลอดอายุการใช้งาน แต่ใช้ที่นอนใยฝ้าย ผ้าห่มจากผ้าฝ้าย หมอนก็เป็นหมอนจากเปลือกโซบะ ซึ่งสามารถถ่ายเทอากาศได้ดีกว่าหมอนชนิดอื่น ช่วยสร้างความเย็นให้ศีรษะ ทำให้หลับสบายหลับสนิทจริง ๆ
เฟอร์นิเจอร์ในห้องก็เป็นเฟอร์นิเจอร์จากไม้ที่ไม่เคลือบสารเคมี ครีมอาบน้ำ แชมพูในห้องพักทำจากน้ำหมักผลมะกรูด ที่ทางฟาร์มปลูกเอง กลิ่นหอมสดชื่นมาก เรียกว่าใส่ใจทุกรายละเอียดในความเป็น organic living เรียกได้ว่า Coolliving Farmhouse สร้างขึ้นมาด้วยความใส่ใจกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
หลังจากพักผ่อนจนหายเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว เราก็ออกมาเดินสำรวจฟาร์ม แต่ถ้าไม่อยากเดินที่นี่ก็มีจักรยานให้ปั่นชมรอบไร่ด้วย
การได้มองฟ้ากว้างสุดสายตา ได้สูดอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มปอด ได้เห็นต้นไม้ดอกไม้ชื่นตาชื่นใจ เพียงแค่นี้ความสุขก็ท่วมท้นหัวใจ ก่อนจะปิดท้ายวันนี้ด้วยอาหารอร่อย ๆ ที่ส่วนใหญ่ปรุงจากพืชผักออร์แกนิกที่ทางฟาร์มปลูกเองทำให้ได้สัมผัสกับคำว่าอิ่มอร่อยอย่างมีคุณค่าและรู้สึกว่าร่างกายได้รับสิ่งดี ๆ เข้าไปจนสดชื่นขึ้นมาทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น ทางฟาร์มมีกิจกรรมตัดผักสลัดเพื่อนำผักที่ตัดนั้นมารับประทานเป็นอาหารเช้า โดยมีตะกร้าให้คนละใบ ให้ตัดผักเท่าที่อยากจะรับประทาน
ผักสลัดที่ปลูกใน Coolliving Farmhouse มีทั้งคอสใหญ่ กรีนโอ๊ค เร็ดโอ๊ค ฟิลเลย์ ฯลฯ ใครอยากตัดผักอะไรเลือกได้ตามใจชอบ ผักที่นี่ปลูกแบบออร์แกนิก ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่ง ไม่มียาฆ่าแมลง แต่ใช้ปุ๋ยคอก ฉีดน้ำหมักผลไม้เพื่อบำรุงดิน และให้น้ำไม่ขาด ผักจึงหวานกรอบ อร่อยจนต้องขอซื้อกลับไปรับประทานต่อที่บ้าน
จากนั้นก็เป็นกิจกรรมปลูกผักสลัด ที่ทำให้เรารู้ว่าผักสลัดแสนอร่อยนั้นมีวิธีการปลูกและดูแลอย่างไร ทั้งยังได้ลงมือทำด้วย นับเป็นแรงบันดาลใจดี ๆ ที่ทำให้เราอยากลองปลูกที่บ้านดูบ้าง
เผลอแป๊บเดียว เวลาอันแสนสุขก็ผ่านไป ได้เวลาที่เราจะต้องกลับไปเผชิญกับโลกอีกใบที่อยู่ในเมือง แต่การได้มาบำบัดกายใจ ได้มาผ่อนคลายในสถานที่อันแวดล้อมด้วยธรรมชาติ ได้ใช้ชีวิตสไตล์ออร์แกนิก ก็ทำให้ร่างกายของเราเบาสบาย จิตใจโล่งโปร่งจนแทบจะลอยกลับบ้านได้เลย ที่สำคัญยังได้แนวคิดดี ๆ เกี่ยวกับการรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้เราตั้งใจว่าหลังจากนี้จะดูแลตัวเองในแนวทางออร์แกนิกให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความสุขทั้งกายและใจอย่างยั่งยืน