ว่านหางจระเข้ สมุนไพรมหัศจรรย์

ว่านหางจระเข้ เป็นพืชที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายหางจระเข้สมชื่อ คือมีโคนใบกว้าง แล้วเรียวแหลมสู่ส่วนปลาย ใบสีเขียวหนาอ้วนของว่านหางจระเข้ เมื่อผ่าออกจะพบเนื้อวุ้นใส ๆ ที่อุดมไปด้วยสารสำคัญมากมาย เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกาย
หากไปทางภาคเหนือจะได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่แถบถิ่นนั้น เรียกว่านชนิดนี้ว่า ว่านไฟไหม้ เพราะสมัยก่อน เวลาโดนไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก มักจะฝานวุ้นของว่านหางจระเข้ให้เป็นชิ้นบางๆ มาปิดแผล ไม่นานอาการก็จะดีขึ้น

ปัจจุบันว่านหางจระเข้ถูกกล่าวขานอย่างมากถึงสรรพคุณด้านความสวยงามโดยเฉพาะการดูแลผิวพรรณ ที่ให้ความชุ่มชื้น แก่ผิว ควบคุมความมัน ลดรอยด่างดำบนใบหน้า ทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวหลังออกแดดจนกลายเป็นไอเท็มสุดฮอตที่ทุกคนจะหามาติดไว้ที่บ้าน ถ้าต้องการความชุ่มชื้นก็ควักเนื้อเจลใสมาโปะ ถ้าโดนแดดเผามาก็โปะ เพียงเท่านี้ผิวก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่ว่านหางจระเข้ไม่ได้มีดีแค่นั้น ทั้งหมดทั้งมวลของว่านหางจระเข้ไม่ว่าจะเป็น วุ้น ยาง หรือเปลือก มีสรรพคุณที่เรียกได้ว่า แสนมหัศจรรย์ จนเราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว มาดูกันว่าเจ้าว่านอวบอ้วนชนิดนี้มีความดีงามอย่างไรบ้าง

1. เมื่อนำวุ้นของว่านหางจระเข้มาชโลมลงบนเส้นผม จะทำให้ผมสลวย ดกดำและเงางามมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันรังแค ช่วยบำรุงต่อมที่รากผมให้มีสุขภาพดี ช่วยรักษาแผลที่เกิดจากการเกาหนังศีรษะ
2. สามารถนำวุ้นว่านหางจระเข้มาทาที่ท้องในขณะตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร จะช่วยลดรอยแตกลายจากการตั้งครรภ์ได้
3. หากใช้วุ้นของว่านหางจระเข้ทาบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอดเป็นประจำทุกวัน จะช่วยแก้เส้นเลือดขอดได้เป็นอย่างดี
4. การนำวุ้นของว่านหางจระเข้มาทาบริเวณผิวเป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้
5. ใครที่ต้องการมีผิวพรรณเนียนนุ่มชุ่มชื้น ปราศจากริ้วรอยแห่งวัย ให้นำวุ้นว่านหางจระเข้มาพอกให้ทั่วบริเวณผิวประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
6. วุ้นของว่านหางจระเข้ช่วยรักษาอาการผิวหนังไหม้จากแสงแดด ผิวหนังไหม้จากการฉายรังสี หรือจากการเป็นแผลเรื้อรังที่เกิดจากการฉายรังสีได้
7. นำวุ้นจากว่านหางจระเข้มาแช่น้ำแล้วนำมาอาบ ในขณะอาบสามารถนำมาขัดถูตามบริเวณต่างๆ ของร่างกายจะทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น
8. สามารถนำวุ้นว่านหางจระเข้มาทาผิวหน้า เพื่อยับยั้งการเกิดสิว ลดความมันบนใบหน้า ลดรอยดำต่างๆและป้องกันการเกิดฝ้า

1. สามารถรักษาแผลสด แผลจากการโดนของมีคม และแผลที่ริมฝีปาก โดยนำวุ้นมาแปะตรงบริเวณแผลให้มิดชิด ตามด้วยการใช้ผ้ามาปิดทับไว้
2. ช่วยรักษาแผลภายนอกได้ โดยเฉพาะถลอกและแผลไม่ติดเชื้อจะได้ผลการรักษาดี
3. นำเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้มาฝานบางๆ แล้วนำไปแปะไว้ที่แผลไฟไหม้ แผลจากการโดนน้ำร้อนลวก จะช่วยบรรเทาอาการปวดของแผลได้ ทั้งนี้ยังช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น และยังช่วยในการดับพิษร้อน เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้
4. วุ้นว่านหางจระเข้ช่วยทำให้แผลเป็นจางได้เร็ว อีกทั้งยังสามารถป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นบนผิวได้ด้วย
5. รับประทานเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้ จะช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี
6. ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะในขณะที่ท้องว่าง และช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
7. ช่วยชะลอความชรา รวมทั้งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
8. มีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ เสมือนเป็นการดีท็อกซ์ล้างสารพิษที่อยู่ภายในร่างกายให้หมดไป แถมยังช่วยให้ระบบการทำงานของกระเพาะอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น

1. ใช้รักษาอาการท้องผูก โดยกรีดยางจากว่านหางจระเข้มาเคี่ยวให้งวด ทิ้งไว้ให้เย็นจะได้ก้อนสีดำ (เรียกว่า ยาดำ) ตักมาปลายช้อนชา เติมน้ำเดือด 1 ถ้วย คนให้ละลาย เด็กรับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 2 ช้อนชา ก่อนนอน
2. ใช้รักษาแผล โดยนำใบสดมาปอกเอาแต่วุ้น ถูและปิดที่แผลเนื่องจากโดนความร้อน การรีบรักษาใน 24 ชั่วโมง จะทำให้การรักษาได้ผลดี แต่มีข้อควรระวังคือ
   • ระวังเรื่องการติดเชื้อ เพราะวุ้นว่านหางจระเข้ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ควรปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด
   • วุ้นว่านหางจระเข้มีความไม่คงตัว ถ้าปอกแล้วจะเก็บไว้ได้เพียง 6 ชั่วโมง
   • ระวังการปนเปื้อนของสารจากยาง ซึ่งอาจทำให้แพ้ได้ จึงต้องล้างวุ้นให้สะอาด
3. ใช้รักษาอาการบวม ฟกช้ำ อักเสบ แมลงกัดต่อย เริม โดยใช้น้ำคั้นจากวุ้นทาหรือใช้วุ้นมาพอกบริเวณที่อักเสบ ฟกช้ำ แพ้

เนื่องจากว่านหางจระเข้มีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย ปัจจุบัน จึงได้มีการนำเอาส่วนต่างๆ ของว่านหางจระเข้มาเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางและยารักษาโรคอย่างแพร่หลาย ซึ่งใช้แล้วเห็นผลดีจึงได้รับความนิยมและเป็นที่น่าเชื่อถือของผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่มา
: http://www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/alovera.html
www.honestdocs.co/aloe-vera-benefits